พ่อไม่รวย! แต่เป็นมหาเศรษฐีได้
"มีเงินนับว่าเป็นน้อง มีทองนับว่าเป็นพี่" สำนวนไทยที่คุ้นหูเรามานาน หมายถึงการที่เรามีเงินมีทอง ก็ล้วนแต่มีคนอยากเข้าหา อยากมานับญาติกับเรา... บางคนโชคดี เกิดมาบนกองเงินกองทองคือ มีพ่อรวยอยู่แล้ว แทบจะไม่ต้องทำอะไรก็มีกินมีใช้ แต่สำหรับคนที่พ่อไม่รวย ก็ต้องขนขวายมากกว่าคนพวกนั้นหลายเท่าถึงจะมีกิน มีใช้ รวมถึงมีเก็บสะสมไว้ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานกันต่อไป
คนที่ได้ชื่อว่าเป็น "มหาเศรษฐี" ที่ได้มีการจัดอันดับมาแล้วในปี 2015 นี้ คือมีมูลค่าทรัพย์สิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ อยู่ราวๆ 1,826 คน จากประชากรทั้งหมด 7,000 ล้านคน และมีส่วนน้อยในจำนวนนี้เท่านั้น ที่มีร่ำรวยมาจากทรัพย์สินของรุ่นบรรพบุรุษ ที่เหลืออีกประมาณ 1,191 คนนั้น ล้วนได้มาจากการก่อร่างสร้างตัวด้วยสองมือของตนเอง ด้วยวิธีที่แตกต่างกันไป
วันนี้ เราจะหยิบเอาแนวคิดของมหาเศรษฐีท่านหนึ่ง ซึ่งก็คือ เคนเน็ธ ลอว์เรนซ์ ฟิชเชอร์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทให้คำปรึกษาและการจัดการด้านการเงินรายใหญ่ของโลก ฟิชเชอร์ อินเวสท์เม้นท์ส (Fisher Investment) มาให้ได้ดูกันค่ะ
1. ทำสิ่งที่ถนัด มหาเศรษฐีที่เขารู้จัก ล้วนรู้จักจุดอ่อนจุดแข็ง วิสัยทัศน์และคุณค่าของตนเองเป็นอย่างดี ดังนั้น ทุกคนควรหาคุณสมบัติของตนเองให้พบ แล้วยึดมั่นสิ่งเหล่านั้นไว้
2. ลิสต์รายการทรัพยากร คนทั่วไปมักคิดว่าเงินสามารถซื้อได้ทุกอย่าง แต่ฟิชเชอร์กลับมองว่า เงินเป็นเพียงหนึ่งในทรัพยากรให้ใช้สอยเท่านั้น โดยเปรียบเงินกับค้อนที่แม้จะเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้างเหมือนไขควง แต่สามารถใช้ขันน็อตแทนกันได้ เช่นเดียวกับเงินที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้
3. อย่ากังวลกับตัวเลขทรัพย์สิน หลายคนมักอยากทราบมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของตนเอง แต่ฟิชเชอร์กลับมองว่าตัวเลขเหล่านั้นไม่สำคัญ เพราะคนที่รวยจริงจะไม่รู้หรอกว่า มูลค่าของทรัพย์สินที่มีนั้นมีค่าเท่าไร เนื่องจากทรัพย์สินส่วนใหญ่ตีค่าเป็นตัวเงินได้ยาก ดังนั้น ให้โฟกัสกับการสร้างมูลค่าของทรัพย์สินมากกว่าสนใจมูลค่าทรัพย์สิน
4. เวลาคือสิ่งมีค่า เวลานั้นหายากยิ่งกว่าเงินทอง เพราะมีแต่จะหมดไปเรื่อยๆ และไม่สามารถหามาทดแทนได้ เพราะฉะนั้น จงรักษาเวลาไว้เพื่อใช้สำหรับสิ่งที่คุณคิดว่ามีค่ามากที่สุด
5. แหวกประเพณีไม่ใช่กฎหมาย มหาเศรษฐีจะป้องกันการทำลายชื่อเสียงของตนเองโดยไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมายเท่าคนทั่วไป แต่สิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นจะทำคือ ปฏิบัติตามกฎหมาย แต่เลือกที่จะแหวกม่านประเพณีหรือวัฒนธรรมเดิมๆ แทน
6. อย่าให้เงินนำทาง แม้บรรดามหาเศรษฐีจะมีเงินมากมาย แต่ก็เลือกจะเก็บเงินสดไว้เพียงจำนวนที่ต้องการ เพื่อทำตามเป้าหมายให้สำเร็จ เพราะเงินเป็นเพียงผลพลอยได้จากความมั่งคั่งเท่านั้น สิ่งที่ควรให้ความสำคัญก็คือ "วิสัยทัศน์"
7. สร้างความจงรักภักดี ถึงแม้เป็นมหาเศรษฐีก็ไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ พวกเขาต้องอาศัยความร่วมมือจากกลุ่มคนที่ไว้วางใจได้และมีความจงรักภักดี เพื่อผลักดันวิสัยทัศน์ของพวกเขาเหล่านั้นให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น
8. ทำสิ่งที่คนอื่นยังไม่เคยทำ มหาเศรษฐีส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับอนาคต พวกเขาไม่เคยพอใจกับอดีต ไม่เคยคิดว่าทำงานเสร็จสิ้น และมักจะหมกมุ่นกับการริเริ่มสร้างสิ่งใหม่ๆ ให้ตลาดต้องวิ่งตามตัวเอง
9. ยึดมั่นกับคุณค่าของตัวเอง ความมั่งคั่งคือความไม่แน่นอน มีแล้วก็อาจหมดไป ดังนั้นสิ่งที่ควรทำ คือ คงคุณค่าของตัวเองไว้มากกว่าการรักษาตัวเลขของทรัพย์สิน การสูญเสียคุณค่าในตัวเองเท่ากับสูญเสียทุกสิ่ง แม้กระทั่งความมั่งคั่ง รักษาความเป็นตัวตนที่คนในครอบครัวและคนรอบข้างเคยรู้จักคุณไว้
ขอขอบคุณ : M2F,
www.inc.com