วางแผนการเงิน เก็บเงินและลดหย่อนภาษีผ่านประกัน สำหรับ First Jobber

ขอเสียงน้องๆ ชาว First Jobbers หน่อยค่ะ ... ใครที่ผ่านมาอ่านบทความนี้ เชื่อว่าคุณน่าจะกำลังเริ่มต้นมองหาวิธีการวางแผนจัดการเงิน ไม่ว่าจะฝากเงินไว้กับธนาคาร หรือทำประกันสุขภาพ ทำประกันชีวิต แต่อยากเริ่มเก็บเงินที่หามาได้ เพราะกลัวใช้หมดใช่มั้ยคะ นี่เป็นสัญญาณที่ดีมากๆ แปลว่า คุณอาจจะเริ่มตั้งคำถามในใจ “เงินฉันหายไปไหนหมด”  ผลวิจัยหลายตัวกล่าวถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายของ First Jobbers อายุระหว่าง 18-24 ปี และกลุ่ม Gen Y พบว่าใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเกินกำลัง ใช้ชีวิตอยู่บนกระแสนิยมตามเทรนด์ และเข้าสังคมอยู่ตลอด ดังนั้นถ้าไม่ได้ถูกวางแผนการเงินให้ดี เผลอไผลไป อาจจะทำให้เงินไม่พอใช้ และเกิดการสร้างหนี้ต่างๆ ส่งผลทำให้ลำบากในอนาคตได้ ดังนั้นวันนี้อยากแชร์ 2 Step เป็นจุดเริ่มต้นในการวางแผนการเงินให้กับชาว First Jobbers กันค่ะ 

 

เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการ list หรือทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายที่จำเป็น เพื่อให้รู้ว่า ตัวเองใช้เงินไปกับอะไรบ้าง และเริ่มวางแผนว่า รายจ่ายอะไรที่ไม่จำเป็นสามารถลดได้ เพื่อให้เรามีเงินเก็บออมได้มากขึ้นบ้างค่ะ

 

จริงๆ แล้ว การออมเงินมีหลายวิธี เช่น เงินฝาก กองทุน หุ้น ประกันชีวิต แต่บทความนี้ อยากเจาะลึกลงไปที่การเก็บเงินกับประกัน และประโยชน์ของวิธีนี้กันค่ะ

 

ประกันชีวิตนอกจากที่จะให้ความคุ้มครองชีวิตแล้ว สามารถเป็นตัวช่วยให้เรามีวินัยในการเก็บเงินมากขึ้น แถมยังเอาไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วยค่ะ ซึ่งแนะนำการทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ที่มีระยะเวลาความคุ้มครอง หรือระยะสัญญาหลายแบบ เช่น 10 ปี 15 ปี 20 ปี 25 ปี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่า เรามีเป้าหมายในการเก็บเงินอย่างไร ยกตัวอย่าง อีก 10 ปีข้างหน้า อยากมีเงินก้อนมาลงทุน หรืออีก 25 ปีข้างหน้า วางแผนไว้เกษียณ เป็นต้น

 

น้องวัยเริ่มต้นทำงาน เฉลี่ยเงินเดือน 15,000-20,000 บาท แนะนำให้จัดสรร 10%-20% ไว้ หรือประมาณ 1,500-2,000 บาท เป็นเงินออม สะสมเก็บไว้ในประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ค่ะ ในกรณีที่ไม่มีประกันกลุ่มคุ้มครองเรื่องสุขภาพ แนะนำให้เพิ่มเติมการทำประกันสุขภาพ ซึ่งอายุน้อยๆ เบี้ยจะค่อนข้างถูก เริ่มต้นได้ตั้งแต่เดือนละ 500-2,000 บาท ขึ้นอยู่กับแบบประกันที่เลือกค่ะ

 

วิธีการให้เงินคืนของประกันชีวิต จะมีการให้เงินคืนที่แน่นอนทุกๆ ปี หรือบางฉบับทุกๆ 4 ปี แล้วแต่เงื่อนไขสัญญา ซึ่งปีสุดท้ายมักจะให้เงินก้อนที่มากที่สุดคืนกับเรา ระหว่างทางที่จ่ายเบี้ยประกัน สามารถนำเบี้ยไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท (ซึ่งให้รวมกับประกันสุขภาพที่ลดหย่อนได้ไม่เกิน 25,000 บาท แล้วนะคะ) สุดท้ายเมื่อคิดผลประโยชน์ทั้งหมดแล้ว เงินที่คืนมากับประโยชน์ทางภาษี อาจจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1.5-2% ต่อปี ซึ่งมากกว่าการฝากเงิน รับดอกเบี้ยกับธนาคารทั่วๆ ไป แถมยังได้ความคุ้มครองชีวิตด้วยค่ะ