จากมาตรการล็อคดาวน์ หรือการประกาศใช้ พ.ร.บ.ฉุกเฉินฯ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไว้รัส COVID-19 ส่งผลทำให้เศรษฐกิจเกิดการชะลอตัวลง ร้านค้า หรือสถานที่ต่างๆ ต้องปิดบริการเป็นเวลานาน ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่รายได้ก็ต้องลดลงไปด้วย ดังนั้น รัฐบาลจึงมีมาตรการช่วยเหลือในส่วนของค่าไฟฟ้า โดยได้รับความร่วมมือจากการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ทั้งหมด 6 มาตรการหลักๆ ดังนี้
มาตรการช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าที่เป็นประเภทบ้านอยู่อาศัย จะได้รับสิทธิ์ใช้ไฟฟ้าฟรีเป็นระยะเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่ใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนมีนาคม - พฤษภาคม 2563 โดยใช้หน่วยการใช้ไฟฟ้าตามใบแจ้งค่าไฟฟ้าของเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เป็นฐานในการเปรียบเทียบการคำนวณค่าไฟฟ้าตามมาตรการที่กำหนด คือ
1. ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน 5 แอมป์ และมีหน่วยการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วย/เดือน ให้ใช้ไฟฟ้า ฟรี! 3 เดือน
2. ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน 5 แอมป์ แต่ใช้ไฟฟ้าเกิน 150 หน่วยติดต่อกัน 3 เดือน และผู้ที่ติดตั้งมิเตอร์เกิน 5 แอมป์ขึ้นไป โดยให้ขึ้นอยู่กับหน่วยการใช้ไฟฟ้าแต่ละเดือน แบ่งเป็น 4 เงื่อนไข ดังนี้
เงื่อนไขที่ 1 : หากมีการใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าหน่วยเดือนฐาน (กุมภาพันธ์ 2563) จ่ายตามจริง (คิดหน่วยตามที่ใช้จริง)
เงื่อนไขที่ 2 : หากมีการใช้ไฟฟ้า ไม่เกิน 800 หน่วย จ่ายเท่าหน่วยเดือนกุมภาพันธ์ 2563 (คิดหน่วย = หน่วยเดือนฐาน)
ตัวอย่างเช่น... มีการใช้ไฟฟ้า 400 หน่วยในเดือนกุมภาพันธ์ (เดือนฐาน) และมีการใช้ไฟฟ้า 750 หน่วยในเดือนมีนาคม (ซึ่งไม่เกิน 800 หน่วย) ดังนั้น ให้ชำระค่าไฟฟ้าเท่ากับเดือนกุมภาพันธ์ ที่ 400 หน่วย
เงื่อนไขที่ 3 : หากมีการใช้ไฟฟ้า เกิน 800 หน่วย แต่ไม่เกิน 3,000 หน่วย (รับส่วนลด 50% ของหน่วยที่ใช้เกิน) จ่ายเท่าหน่วยเดือนกุมภาพันธ์ 2563 + 50% ของหน่วยส่วนเกินจากเดือนกุมภาพันธ์ 2563 (คิดหน่วย = [หน่วยเดือนฐาน + (ส่วนที่เกินจากหน่วยเดือนฐาน x 50%)])
ตัวอย่างเช่น... มีการใช้ไฟฟ้า 500 หน่วยในเดือนกุมภาพันธ์ และมีการใช้ไฟฟ้า 1,200 หน่วยในเดือนมีนาคม (เกิน 800 หน่วยตามเงื่อนไข) ดังนั้น ชำระค่าไฟฟ้าเดือนมีนาคมเท่ากับ [500 + (1,200 - 500) x 50%] = 850 หน่วย
เงื่อนไขที่ 4 : หากมีการใช้ไฟฟ้า เกิน 3,000 หน่วย จ่ายเท่าหน่วยเดือนกุมภาพันธ์ 2563 + 70% ของหน่วยที่เกินจากเดือนกุมภาพันธ์ 2563 (คิดหน่วย = [หน่วยเดือนฐาน + (ส่วนที่เกินจากหน่วยเดือนฐาน x 70%)])
ตัวอย่างเช่น... มีการใช้ไฟฟ้า 1,500 หน่วยในเดือนกุมภาพันธ์ และมีการใช้ไฟฟ้า 3,500 หน่วยในเดือนมีนาคม (มากกว่า 3,000 หน่วย) ดังนั้น ชำระค่าไฟฟ้าเดือนมีนาคมเท่ากับ [1,500 + (3,500 - 1,500) x 70%] = 2,900 หน่วย
แต่เดี๋ยวก่อน!!! ใครที่ได้ชำระค่าไฟฟ้าเดือนมีนาคม - เมษายน 2563 ไปแล้วนั้น ไม่ต้องตกใจค่ะ เพราะ กฟภ.จะดำเนินการคืนค่าไฟฟ้า โดยหักคืนเป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าในเดือนมิถุนายน 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะครบตามยอดเงินที่ได้ชำระมาแล้ว ซึ่งในส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่ที่เราด้วย อย่าลืม! ตรวจสอบในส่วนที่มีการหักคืนให้ เพื่อความชัวร์
และในส่วนของผู้ที่ยังไม่ได้ชำระค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2563 สามารถชำระได้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2563 หรือในส่วนของผู้ใช้ไฟฟ้าที่ดำเนินการชำระค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2563 ผ่านบัญชีธนาคาร หรือบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต ระบบจะตัดบัญชี/บัตรเครดิต ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 ด้วยยอดเงินที่ปรับปรุงมาตรการแล้ว
นอกจากนี้ สำหรับมาตรการช่วยเหลือการลดค่าไฟฟ้าในอัตราร้อยละ 3 จากค่าไฟฟ้าสุทธิซึ่งได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภท ซึ่งรายละเอียดส่วนลดค่าไฟฟ้าจะปรากฎในบิลที่ผู้ใช้ไฟฟ้าได้รับ "ส่วนลด 3% ตามนโยบายรัฐบาล = ........บาท" (ยกเว้นการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าอัตราขั้นต่ำร้อยละ 70 ของค่าความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุดในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมาสิ้นสุดในเดือนปัจจุบัน กับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทกิจการขนาดกลาง กิจการขนาดใหญ่ กิจการเฉพาะอย่าง องค์กรที่ไม่แสวงหากำไร และการสูบน้ำเพื่อการเกษตร
สรุป เมื่อเพื่อนๆ รู้ขั้นตอนและวิธีการตรวจสอบมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าที่เราควรได้รับว่ามีอะไรบ้าง คิดยังไง ตรวจสอบแบบไหน? ตามข้อมูลด้านบนแล้วก็อย่าลืมเช็กและตรวจสอบการรับสิทธิ์ของเราให้ถูกต้องและครบถ้วนตามเงื่อนไขนะคะ