มีเงินเก็บอยากสะสม จะฝากธนาคาร หรือซื้อประกันชีวิตดี? ต่างกันยังไง แบบไหนเหมาะกับเรา
มนุษย์เงินเดือน หรือแม้แต่คนทำอาชีพอิสระทั้งหลาย กว่าจะเก็บเงินเก็บทองได้เป็นก้อนนั้น หลายคนต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ บางครั้งแสนจะยากเย็นเข็ญใจ เมื่อเก็บสะสมมาได้ก็อยากจะทำให้มันงอกเงย หรืออย่างน้อยก็สามารถรักษาเงินต้นเอาไว้ไม่ให้สูญหาย แต่จะไปฝากธนาคาร หรือซื้อประกันชีวิตดี สองอย่างนี้แตกต่างกันยังไง ไปดูกันดีกว่าครับ
ประการแรก "เก็บเงินฝากธนาคารดียังไง"
ข้อดีที่เห็นเด่นชัดของการเก็บเงินฝากธนาคารก็คือ เงินต้นอยู่ครบแน่ๆ แถมด้วยดอกเบี้ยเงินฝาก ที่อาจจะน้อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ที่สำคัญมันรู้สึกอุ่นใจที่มีเงินก้อนสะสมเอาไว้ แต่การเก็บเงินฝากธนาคารมีรูปแบบต่างๆ เรามาดูกันว่ามีแบบไหนอย่างไร และแบบไหนเหมาะสมกับเราบ้าง โดยบัญชีเงินฝากแบ่งออกเป็นสามแบบดังนี้
1) บัญชีเงินฝากออมทรัพย์
สำหรับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์จะเป็นบัญชีที่ทางธนาคารพาณิชย์ทำออกมาเพื่อให้บริการลูกค้ารายย่อยเป็นสำคัญ โดยจะเน้นความสะดวกในการฝาก และถอนเงิน ซึ่งปกติแล้วจะไม่มีการกำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำในการฝาก และถอน โดยดอกเบี้ยจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์จะจ่ายให้กับผู้ฝากเงินปีละ 2 ครั้ง จะคำนวณดอกเบี้ยให้เป็นรายวัน แต่อัตราดอกเบี้ยจากบัญชีเงินฝากประเภทนี้ค่อนข้างน้อยเพราะไม่ได้กำหนดเวลาในการฝาก เราจะถอนเมื่อไหร่ก็ได้ ธนาคารจึงให้ดอกเบี้ยต่ำ เพราะเงินอาจอยู่กับเขาไม่นาน บัญชีประเภทนี้ถือว่าได้ดอกเบี้ยต่ำที่สุด
2) บัญชีเงินฝากประจำ
สำหรับบัญชีเงินฝากประจำเป็นบัญชีเงินฝากประเภทที่มีการกำหนดระยะเวลา และจำนวนเงินขั้นต่ำในการฝาก ซึ่งทางธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ เพราะการฝากเงินในบัญชีเงินฝากประจำจะมีระยะเวลาในการฝากที่นานกว่า ซึ่งภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้เราจะไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ ดังนั้นบัญชีประเภทนี้จะให้ดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเหตุต้องใช้เงิน สามารถเก็บเงินฝากไว้เย็นๆ กับทางธนาคารได้ ก็ควรเปิดบัญชีประเภทนี้เพื่อฝากเงินระยะยาวแลกกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า
3) บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน หรือบัญชีเงินฝากเดินสะพัด
สำหรับบัญชีประเภทนี้ทางธนาคารทำไว้เพื่อความสะดวกสบายในการทำธุรกิจเป็นหลัก โดยทางธนาคารเปิดบัญชีนี้มาเพื่อลูกค้าระดับกลาง หรือระดับสูงที่มีเครดิตดี ซึ่งบัญชีเงินฝากกระแสรายวันสามารถเบิกเงินเกินกว่าที่มีในบัญชีได้ แต่ทางธนาคารจะคิดอัตราดอกเบี้ยสำหรับเงินที่เบิกเกินบัญชีเป็นรายวัน บัญชีประเภทนี้ไม่เหมาะกับผู้ออมเงิน แต่เหมาะกับผู้ประกอบการทำธุรกิจนั่นเองครับ
สรุปตรงนี้ง่ายๆ สำหรับผู้ที่คิดจะฝากเงินไว้กับธนาคารก็คือ หากเรามีเหตุต้องใช้เงินแบบบ่อยๆ ก็ควรฝากแบบออมทรัพย์เอาไว้ แม้จะได้ดอกเบี้ยต่ำแต่ก็สะดวกกว่าเวลาต้องเบิกเงินมาใช้ แต่หากเรามีเงินก้อนที่เก็บไว้ได้ในระยะยาวๆ ก็ควรฝากประจำจะได้ดอกเบี้ยสูงกว่า
ประการที่สอง "ซื้อประกันชีวิตดีหรือไม่"
สำหรับคนที่ไม่อยากฝากเงินไว้กับธนาคาร อยากได้ทางเลือกแบบอื่นๆ ก็ต้องลองพิจารณาทางเลือกด้วยการซื้อประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ โดยประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์เป็นการทำประกันชีวิต ที่บริษัทจะจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันเมื่อมีชีวิตอยู่ครบกำหนดสัญญา หรือจ่ายเงินเอาประกันภัยให้กับผู้รับประโยชน์ หากผู้เอาประกันเสียชีวิตลงภายในระยะเวลาประกันภัย
การประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ จึงเป็นส่วนผสมของการคุ้มครองชีวิต และการออมทรัพย์ โดยส่วนของการออมทรัพย์ คือส่วนที่ผู้เอาประกันได้รับคืนเมื่อสัญญาครบกำหนด ซึ่งเงินที่เราส่งประกันไปในทุกๆ เดือน หรือทุกๆ ปี จะเรียกว่า "เบี้ยประกัน" หากเรายกเลิกก่อนจะครบสัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเรายกเลิกในปีแรกของการทำประกันชีวิต ผู้เอาประกันจะไม่ได้รับเงินคืน ซึ่งรูปแบบการทำประกันชีวิตสะสมทรัพย์จะมีทั้งแบบระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ตั้งแต่ 3 - 5 ปี ไปจนถึง 25 - 30 ปี
การทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ผู้ทำประกันจะมีภาระผูกพันต้องจ่ายเบี้ยประจำตามงวดที่กำหนด จึงเหมาะกับผู้ที่อยากอุ่นใจ และต้องการเก็บเงินอย่างมีวินัยนั่นเอง ซึ่งโดยปกติแล้วผลตอบแทนจากการทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์จะไม่แตกต่างจากการฝากประจำมากนัก
ข้อสรุปก็คือ ... การฝากเงินจะมีความยืดหยุ่นกว่าในแง่ของการฝากประเภทออมทรัพย์ แต่ได้ดอกเบี้ยน้อย ในขณะที่การฝากประจำแม้จะต้องฝากระยะยาว แต่เมื่อครบกำหนดซึ่งส่วนใหญ่จะครบกำหนดเร็วก็จะสามารถถอนเงินออกมาใช้ได้ แต่หากเราคิดจะทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ เราจะมีภาระผูกพันค่อนข้างยาวนาน และต้องอดทนส่งเบี้ยประกันจนครบกำหนด ระยะเวลาหลายปี หรืออาจเป็นสิบปี เหมาะกับคนที่อยากเก็บเงินแต่อาจจะบังคับตัวเองไม่ได้ ก็คงต้องเลือกเอาว่าเราอยากเก็บเงินแบบไหน อยากได้ผลตอบแทนอย่างไรนั่นเอง