เบี้ยประกันแบบไหน?...ใช้ลดหย่อนภาษีได้
"ประกัน" ในปัจจุบัน ถือได้ว่ามีประโยชน์มากมาย แถมยังเป็นที่นิยมของคนวัยทำงานเป็นส่วนใหญ่ ประกันไม่เพียงแต่จะให้ความคุ้มครองเท่านั้น แต่ประกันยังเป็นการช่วยเราออมเงินเพือเก็บไว้ใช้ในยามเกษียณ และที่สำคัญคือ ประกันสามารถนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้
ในครั้งที่แล้วเราได้พูดถึง
"5 วิธีเลือกซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตที่ถูกต้อง" ในครั้งนี้เราจะขอพูดถึงการเลือกซื้อประกันที่เบี้ยประกันนั้นสามารถเอามาลดหย่อนภาษีได้กันนะคะ
1. เบี้ยประกันที่นำเอามาเพื่อลดหย่อนภาษี ในข้อแรกนี้จะต้องเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีกำหนดระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
2. เบี้ยประกันในข้อที่สองนี้จะต้องเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีเงิน หรือผลประโยชน์ตอบแทนคืนไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันชีวิตสะสม โดยไม่รวมเงินปันผลตามกรมธรรม์ หรือผลประโยชน์ตอบแทนที่จ่ายเมื่อสิ้นสุดการชำระเบี้ยประกันชีวิต หรือผลประโยชน์ตอบแทนที่จ่ายเมื่อสิ้นสุดอายุกรมธรรม์
3. เบี้ยประกันชีวิตของข้อที่สามที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้นี้ จะต้องเป็นเบี้ยประกันชีวิตของกรมธรรม์ประกันชีวิตหลักเท่านั้น
4. เบี้ยประกันสำหรับข้อสุดท้ายนี้ จะต้องไม่เป็นเบี้ยประกันสำหรับสัญญาเพิ่มเติม เช่น ประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ เป็นต้น เพราะเบี้ยประกันจากการซื้อสัญญาเพิ่มเติมเหล่านี้ไม่สามารถนำไปใช้หักลดหย่อนภาษีได้
ก่อนการซื้อประกันชีวิตทุกครั้ง เราต้องศึกษารายละเอียดให้ครบถ้วนแต่ถ้าสงสัยว่าประกันชีวิตที่เราจะซื้อนั้นเป็นประกันชีวิตแบบไหน ให้สอบถามจากตัวแทนประกันได้เลยนะคะ และที่สำคัญอย่าลืมที่จะสังเกตใบเสร็จรับเงินค่าประกันด้วยว่า มีการระบุว่าสามารถเอาไปลดหย่อนได้จำนวนเท่าไหร่? เพราะเบี้ยประกันที่เราเสียไปนั้นอาจรวมการซื้อสัญญาเพิ่มเติมควบคู่กับประกันหลักไปด้วย ซึ่งอาจทำให้เราคำนวณในการใช้หักลดหย่อนภาษีผิดไป