Dyson Zone เปิดตัวเป็นเครื่องกรองอากาศแบบสวมใส่เครื่องแรกจาก Dyson มาพร้อมเทคโนโลยีที่ดักจับมลพิษได้ทั้งก๊าซ สารก่อภูมิแพ้และฝุ่นละออง ที่ยังเป็นหูฟัง มาพร้อมกับฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนและระบบเสียงคุณภาพสูง นำเสนอประสบการณ์ใหม่ที่ให้ทั้งเสียงใสและอากาศบริสุทธิ์
Jake Dyson หัวน้าวิศวกรของ Dyson ได้เผยโฉม Dyson Zone หูฟังกรองอากาศเครื่องแรกจาก Dyson ถือเป็นก้าวแรกของ Dyson ในการพัฒนาเทคโนโลยีอุปกรณ์แบบสวมใส่ โดย Dyson Zone เป็นหูฟังแบบครอบหูคุณภาพสูงที่มาพร้อมกับฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน พร้อมเครื่องกรองอากาศที่ไหลเวียนไปยังจมูกและปาก โดยผลิตภัณฑ์นี้เกิดจากการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาด้านคุณภาพอากาศเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี หูฟังกรองอากาศ Dyson Zone นี้จะมาช่วยรับมือปัญหาการใช้ชีวิตในเมืองทั้งเรื่องคุณภาพอากาศและมลภาวะทางเสียง
ในขณะที่ความหนาแน่นของประชากรในแต่ละเมืองใหญ่ทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้น องค์การอนามัยโลกได้คาดการณ์ไว้ว่า 9 ใน 10 ของประชากรเมืองทั่วโลกจะได้รับอากาศที่มีค่ามลภาวะเกินกว่าที่องค์การอนามัยโลกได้กำหนดไว้ โดยถึงแม้การระบาดของ COVID-19 จะทำให้ค่าไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) ในอากาศลดลง แต่หลังจากหลายเมืองใหญ่ได้คลายมาตรการและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ก็ทำให้ค่าดังกล่าวกลับมาเท่าเดิม หรือมากกว่าระดับก่อนการล็อกดาวน์ในหลายเมืองทั่วโลก นอกจากนั้นอีกหนึ่งปัญหาสำหรับประชากรในเมืองนั่นก็คือมลภาวะทางเสียง โดยมีการคาดการณ์ว่ามีประชากรกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก หรือนับเป็น 20 เปอร์เซ็นของประชากรในทวีปยุโรปได้รับมลภาวะทางเสียงอย่างต่อเนื่องเกินกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด
Jake Dyson หัวหน้าวิศวกรของ Dyson กล่าวว่า“ปัญหามลภาวะในอากาศถือเป็นปัญหาระดับโลก ที่ส่งผลต่อคนทั่วโลกในทุกๆ ที่ที่เราไป ทั้งที่บ้าน โรงเรียน ที่ทำงาน หรือแม้แต่ขณะเดินทางไม่ว่าจะเป็นการเดิน จักรยาน หรือแม้แต่ขนส่งสาธารณะ หูฟังกรองอากาศ Dyson Zone สามารถกรองอากาศได้แม้ในขณะเคลื่อนที่ และแตกต่างจากหน้ากากอนามัยปกติด้วยความสามารถในการส่งอากาศบริสุทธิ์ได้โดยไม่สัมผัสผิวหน้าด้วยการทำงานของตัวกรองคุณภาพสูงและแอร์ปั๊มขนาดเล็ก 2 เครื่อง โดยหลังจากการพัฒนามานานถึง 6 ปี เราตื่นเต้นที่จะนำเสนอประสบการณ์เสียงใสและอากาศบริสุทธิ์ในทุกๆ ที่ที่คุณไป”
ตัวต้นแบบ 500 ชิ้นในระยะเวลา 6 ปี
หูฟังกรองอากาศ Dyson Zone เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 30 ปีของ Dyson ในด้านการไหลของอากาศ การกรองอากาศ และเทคโนโลยีมอเตอร์ รวมไปถึงความเข้าใจเชิงลึกในด้านคุณภาพอากาศทั้งภายในและภายนอกอาคาร คอมเพรสเซอร์ที่ติดตั้งอยู่บริเวณที่ครอบหูทั้งสองข้างจะนำอากาศจากภายนอกเข้าผ่านตัวกรอง 2 ชั้นและส่งอากาศบริสุทธิ์จากทั้งสองข้างสู่จมูกและปากของผู้สวมใส่ผ่านหน้ากากแบบไม่สัมผัสกับใบหน้า การออกแบบช่องอากาศออกในหน้ากากทำให้มั่นใจได้ว่าการไหลของกระแสอากาศบริสุทธ์จะอยู่บริเวณจมูกและปากเท่านั้นและทำให้เกิดการไหลย้อนกลับของอากาศจากภายนอกน้อยที่สุด Dyson Zone ให้คุณภาพเสียงแบบเต็มอิ่มและบรรเทามลภาวะทางเสียงภายในเมืองด้วยเทคโนโลยี Active Noise Cancellation (ANC) รวมถึงการการให้เสียงคุณภาพสูงที่ลดการผิดเพี้ยนและการตอบสนองความถี่ในย่าน Neutral frequency response เพื่อที่ให้เสียงในรูปแบบที่ตรงตามต้นฉบับของศิลปินมากที่สุด
Dyson Zone ถูกพัฒนามาเป็นระยะเวลานานกว่า 6 ปีโดยเริ่มต้นจากเครื่องครอบจมูกและปากที่เชื่อมกับเครื่องกรองอากาศในรูปแบบกระเป๋าสะพาย โดยในระหว่างการพัฒนามีเครื่องต้นแบบที่ถูกสร้างขึ้นกว่า 500 ชิ้นและเกิดการเปลี่ยนแปลงมาอย่างต่อเนื่องจนกลายมาเป็น Dyson Zone ไม่ว่าจะเป็นเครื่องที่ติดตั้งเครื่องกรองอากาศไว้บริเวณต้นคอด้านหลังจนกลายมาเป็นเครื่องกรองอากาศบริเวณหูทั้งสองข้าง หรือจะเป็นที่ครอบจมูกและปากที่กลายมาเป็นหน้ากากที่สามารถถ่ายทอดอากาศบริสุทธิ์ได้แบบไม่สัมผัสใบหน้าทั้งหมด ทำให้เกิดเครื่องกรองอากาศในรูปแบบใหม่ล่าสุด
ในระหว่างการพัฒนา เป้าหมายของวิศวกรของ Dyson คือการคิดค้นอุปกรณ์ที่สัมผัสใบหน้าน้อยที่สุดเพื่อลดความไม่สบายและการระคายเคืองที่พบบ่อยในอุปกรณ์แบบสัมผัสเต็มใบหน้า ทำให้หน้ากากบริเวณใบหน้าจึงเป็นส่วนที่สำคัญในการออกแบบเพราะการไหลของอากาศและการออกแบบหน้ากากถือเป็นส่วนสำคัญในการส่งอากาศบริสุทธิ์ โดยทั้งรูปทรงของหน้ากากบริเวณด้านข้างและตรงกลางที่กระจายกระแสอากาศบริสุทธิ์ทั้งสองข้างออกแบบมาเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าอากาศที่ออกมาจากเครื่องกรองได้ไปสู่จมูกและปากของผู้สวมใส่ในทุกรูปหน้า และเหนือไปกว่าการทดสอบทั่วไป วิศวกรของ Dyson ใช้หุ่นจำลองการหายใจที่ติดตั้งปอดจำลองที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์และเซนเซอร์ เพื่อจำลองการหายใจของมนุษย์ในห้องควบคุม และตรวจวัดค่ามลภาวะในจมูกและลำคอเพื่อทดสอบความสามารถในการกรองอากาศที่สุดท้ายจะเข้าสู่ของปอดจำลองของหุ่นทดสอบที่ชื่อแฟรงค์
คอมเพรสเซอร์ในบริเวณที่ครอบหูทั้งสองข้างถูกออกแบบมาอย่างแม่นยำเพื่อให้ดึงอากาศเข้ามาผ่านตัวกรอง 2 ชั้น โดยทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมาให้สามารถอยู่ในพื้นที่ที่จำกัดบริเวณหูฟัง โดยตัวกรองแบบ Negatively Charged Electrostatic จะดักจับอนุภาคขนาดเล็กเช่นสารก่อภูมิแพ้และอนุภาคมลภาวะจากกิจกรรมในเมืองเช่นฝุ่นละอองจากการเบรก การเผาไหม้จากกิจกรรมทางอุตสาหกรรม หรือฝุ่นจากการก่อสร้าง ในขณะที่ตัวกรองชั้นที่ 2 เป็นตัวกรองคาร์บอนที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียมเพื่อดักจับก๊าซมลพิษที่พบได้บ่อยในตัวเมืองเช่น ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) โดยคอมเพรสเซอร์จะพาอากาศบริสุทธิ์ไปสู่จมูกและปากผ่านหน้ากากแบบไม่สัมผัสใบหน้าที่ออกแบบสำหรับการถ่ายเทอากาศไปสู่จมูกและปากโดยเฉพาะ
สร้างสรรค์และออกแบบด้วยแนวคิดทางวิทยาศาสตร์
นับเป็นก้าวแรกสู่โลกของเครื่องเสียงของ Dyson ซึ่งวิศวกรของ Dyson ก็ได้นำเอาวิธีการทางวิทยาศาสตร์มาใช้มากกว่าที่จะใช้วิธีที่ยึดติดกับ ‘Golden Listener’ แบบทั่วไป ทีมวิศวกรเครื่องเสียงและผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงของ Dyson ต้องการที่จะสร้างเครื่องเสียงที่ขับเคลื่อนโดยผลการทดลองที่เกิดจากการทดลองซ้ำๆ ซึ่งผลที่ได้คือเครื่องเสียงที่ให้เสียงได้อย่างสมบูรณ์และชัดเจน พร้อมกับระบบตัดเสียงรบกวนอันล้ำหน้า โดยถึงแม้จะถูกจำกัดเรื่องพื้นที่ของอุปกรณ์แบบสวมใส่ ทีมวิศวกรของ Dyson ได้พัฒนาระบบ Neodymium Electroacoustic ประสิทธิภาพสูงไว้ในหูฟังทั้งสองข้าง ด้วยการตอบสนองความถี่ที่กว้าง ความสมดุลของเสียงทั้งซ้ายขวา และการผิดเพี้ยนของเสียงที่น้อยมากจนมนุษย์ไม่สามารถฟังออกได้ ทำให้สามารถนำเสนอประสบการณ์เสียงแบบที่ตรงกับความตั้งจของศิลปินมากที่สุด ในระหว่างกระบวนการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการพัฒนา ทีมวิศวกรของ Dyson ได้พัฒนาระบบตัดเสียงรบกวนแบบล้ำหน้าที่เกิดจากการทำงานร่วมกันของการลดทอนเสียงรบกวนแบบปกติและระบบ ANC ที่มีการจัดวางไมโครโฟนที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อลดเสียงรบกวนจากภายนอกทำให้สามารถตัดเสียงรบกวนได้ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน หรือแม้ขณะเดินทาง นอกจากนั้นที่ครอบหูยังประกอบไปด้วยโฟมแน่นคุณภาพสูงและที่ครอบหัวที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้รู้สึกสบายขณะใส่แต่ก็แน่นเพียงพอที่จะลดเสียงจากภายนอก
ออกแบบมาให้ใส่สบาย
เรารู้ดีว่าแต่ละคนมีรูปทรงศีรษะที่แตกต่างกัน และด้วยการที่เป็นอุปกรณ์แบบสวมใส่ชิ้นแรกจาก Dyson ทีมวิศวกรจึงต้องคิดเกี่ยวกับความสบายในวิธีใหม่ๆ จากการค้นคว้าวิจัยเชิงลึกเรื่องรูปทรงของศีรษะและใบหน้าทำให้ทีมวิศวกรสามารถออกแบบ Dyson Zone ให้ทำงานได้อย่างดีเยี่ยมในทุกๆ รูปทรงของหน้า ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องแรงกดของที่ครอบหัว วัสดุที่ใช้ในหน้ากาก การปรับขนาดของอุปกรณ์และในมิติอื่นๆ เกี่ยวกับการใส่หูฟังที่สบายที่สุด
Dyson Zone ถูกออกแบบให้กระจายน้ำหนักไปในแต่ละข้างของศีรษะมากกว่าที่จะกดน้ำหนักทั้งหมดที่ด้านบน โดยการออกแบบนี้ได้รับแรงบันดาลใจมากจากอานม้าที่ออกแบบให้โค้งเว้าไปตามหลังของม้าเพื่อกระจายน้ำหนักไปสู่ด้านซ้ายและขวา ซึ่งถูกใช้ในการออกแบบหมอนรองบริเวณศีรษะในส่วนที่ครอบหัว
ในส่วนของการออกแบบที่ครอบหู มีสามปัจจัยสำคัญในการออกแบบนั่นก็คือ ความสบาย ความมั่นคง และการลดทอนเสียงจากภายนอก ซึ่งแน่นอนว่าวัสดุในการทำที่ครอบหูนั่นก็คือโฟม แต่ทีมวิศวกรของ Dyson ได้ลงลึกไปในส่วนประกอบของโฟมแต่ละชนิดเพื่อเสาะหาชนิดที่เหมาะที่สุดในการทำที่ครอบหูโดยวัดจากความแน่นของโฟม อัตราการอัดแน่น และการคืนตัวของโฟม ซึ่งทั้งหมดนี้เองจะส่งผลถึงแรงกดไปสู่ศีรษะ โดยในการเลือกโฟมที่ดีที่สุดสำหรับใช้ในที่ครอบหูจะต้องพิจารณาหลายปัจจัยให้สมดุลกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสวมใส่ที่สบาย ความแน่นขณะครอบหู และที่สำคัญที่สุดคือจะช่วยในด้านของเสียงได้อย่างไร การเพิ่มพื้นที่สัมผัสของโฟมครอบหูเป็นการทำให้แนบสนิทมากขึ้น เพื่อลดทอนเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีกว่า โฟมของ Dyson Zone จึงถูกตั้งใจออกแบบมาให้แบนแนบไปกับผิวสัมผัสมากกว่าหูฟังแบบเดิมเพื่อความสบายและการลดเสียงรวมถึงการจัดองศาให้ตรงกับหูเพื่อความสบายขั้นสุด
ร่วมพัฒนาด้วยทีมจากทั่วโลก
หูฟังกรองอากาศ Dyson Zone ร่วมออกแบบโดยทีมวิศวกรจากหลายภูมิภาค ทั้งสหราชอาณาจักร สิงค์โปร์ มาเลเซีย และจีน โดยฐานหลักในการพัฒนาซอฟต์แวร์ก็ได้อยู่ที่สำนักงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี่เอง การพัฒนาแอปพลิเคชันถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การทำงานและเชื่อมต่อได้อย่างราบรื่นและจัดเก็บข้อมูลเรื่องมลภาวะในอากาศและมลภาวะทางเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นแล้วการเป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่สวมไปนอกอาคาร ความแข็งแรงทนทานเป็นอีกสิ่งสำคัญ โดยหูฟังกรองอากาศ Dyson Zone ได้ถูกทดสอบอย่างเข้มข้น ตั้งแต่ทดสอบในห้องควบคุมอุณหภูมิ ทดสอบการตก ทดสอบความทนทานของวัสดุ ความแข็งแรงของปุ่มกด และอื่นๆ อีกมากมาย โดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบที่สำนักงาน Dyson Malaysia Development Centre ในประเทศมาเลเซียมีส่วนสำคัญในการทดสอบการใช้งานในประเทศเขตร้อนชื้นเพื่อให้เกิดความแตกต่างจากการทดสอบในประเทศอังกฤษ
หูฟังกรองอากาศ Dyson Zone จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2565 นี้ โดยช่วงเวลาจะแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์แบบละเอียดและรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับการวางจำหน่ายจะประกาศในเร็วๆ นี้
เกี่ยวกับหูฟังกรองอากาศ Dyson Zone
- นำเสนอประสบการณ์ใหม่ของอุปกรณ์กรองอากาศและหูฟังเสียงคุณภาพแบบสวมใส่
- ตัวกรองแบบ Electrostatic สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็ก 0.1 ไมครอนได้ถึง 99% ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง สารก่อภูมิแพ้ หรือแบคทีเรีย
- ตัวกรองคาร์บอนโพแทสเซียม สามารถดักจับก๊าซที่พบได้ในเมืองเช่น ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) และโอโซน (O3)
- หน้ากากลดการสัมผัสด้านหน้าถูกออกแบบมาเพื่อพากระแสอากาศจากทั้งสองข้างไปสู่จมูกและปากของผู้สวมใส่ ออกแบบมาสำหรับใช้นอกอาคารและในสภาวะที่มีลมจากภายนอก
- อุปกรณ์ที่เล็กที่สุดของ Dyson ในขณะนี้ หัวใจของหูฟังกรองอากาศ Dyson Zone อยู่ที่มอเตอร์ทั้งสองที่อยู่บริเวณที่ครอบหูทั้งสองข้าง
- ระบบตัดเสียงรบกวนประสิทธิภาพสูงและระบบ Neodymium Electroacoustic ให้เสียงที่สมบูรณ์และเต็มอิ่ม ตรงตามต้นฉบับของศิลปิน
- ในการพัฒนา Dyson Zone ได้ร่วมพัฒนาโดยนักเรียนจาก Dyson Institute of Engineering and Technology จำนวน 15 คนที่สนับสนุนการพัฒนาในหลากหลายด้านตั้งแต่ การพัฒนาด้านเสียง ระบบไฟฟ้า และระบบไหลเวียนของอากาศ
- 3 โหมดตัดเสียงรบกวน: Isolation, Conversation และ Transparency
- โหมด Isolation: เป็นการตัดเสียงรบกวนระดับสูงสุด เพื่อการฟังเพลงแบบเต็มอิ่มไร้การรบกวน หรือเวลาที่ต้องการโฟกัสงานตรงหน้า
- โหมด Conversation: จะเปิดโหมดนี้อัตโนมัติเมื่อเลื่อนหน้ากากลง ปิดการทำงานของเครื่องกรองอากาศอัตโนมัติเพื่อลดการใช้แบตเตอรี่
- โหมด Transparency: โหมดนี้ออกแบบเพื่อให้ผู้สวมใส่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว โดยการเพิ่มเสียงที่มีความสำคัญ เช่น ไซเรนเสียงรถพยาบาล หรือประกาศต่างๆ
- โหมดกรองอากาศ 4 โหมด: low, medium, high, และ auto ในแต่ละโหมดจะตอบสนองการหายใจในแต่ละรูปแบบที่เกิดจากกิจกรรมในชีวิตประจำวัน โดยในโหมด auto จะมีการวัดความเร็วโดนเครื่องวัดความเร็วในอุปกรณ์และปรับระหว่างโหมด low, medium, high อัตโนมัติ
- ใช้ทั้งเครื่องกรองอากาศและหูฟัง ต้องสวมหน้ากากไว้
- สามารถใช้หูฟังอย่างเดียวได้ โดยสามารถขยับหน้ากากได้
- ในกรณีที่ต้องสวมที่ปิดปากและจมูกในที่สาธารณะ ภายในกล่องมีอุปกรณ์ที่ปิดปากและจมูกมาให้
- ในกรณีที่ต้องสวมหน้ากากแบบมาตรฐาน FFP2 ในที่สาธารณะ ภายในกล่องมีอุปกรณ์ที่ปิดปากและจมูกตามาตรฐาน FFP2 มาให้
เส้นทางด้านคุณภาพอากาศของ Dyson
กว่า 30 ปีที่วิศวกรของ Dyson ได้ทำการกำจัดอนุภาคออกจากอากาศ โดยจุดเริ่มต้นเกิดจากเทคโนโลยีไซโคลนในเครื่องดูดฝุ่นแบบไร้ถุงเครื่องแรกของโลก และได้พัฒนาจนกลายเป็นเครื่องดูฝุ่นแบบไร้สาย แบบอัตโนมัติ แบบที่สามารถบังคับได้รอบทิศทาง รวมไปถึงเครื่องเป่ามือ เครื่องกรองอากาศ และเครื่องปรับความชื้น โดยในทศวรรษที่ผ่านมาตั้งแต่สินค้าในหมวดเครื่องกรองอากาศได้ถือกำเนิดขึ้น การค้นคว้าวิจัยด้านคุณภาพอากาศทั้งในอาคารและนอกอาคารก็เป็นหนึ่งในวาระสำคัญของ Dyson มาโดยตลอด
ในปี 2552 Dyson ได้เปิดตัวพัดลมไร้ใบพัดเครื่องแรกและทีมวิศวกรก็ได้มุ่งความสนใจไปยังสิ่งที่มากกว่าการเคลื่อนที่ของลม แต่ยังเป็นเรื่องการให้ความเย็นและเพิ่มความร้อนให้แก่ทุกคนผ่านกระแสลมด้วย ในปี 2558 Dyson เปิดตัวเครื่องกรองอากาศเครื่องแรกและพัฒนาจนสามารถกำจัดสารฟอร์มัลดีไฮด์ เพิ่มความชื้นในอากาศ และผ่านมาตรฐานการกรองของ HEPA ซึ่งหูฟังกรองอากาศ Dyson Zone ถือเป็นก้าวที่นำไปสู่เทคโนโลยีในอุปกรณ์สำหรับสวมใส่ พาเทคโนโลยีการกรองอากาศอันทรงประสิทธิภาพของ Dyson ไปสู่อุปกรณ์ที่สามารถไปกับคุณได้ทุกที่
นอกจากาการพัฒนาผลิตภัณฑ์แล้ว Dyson ยังร่วมมือกับนักวิจัยและสถาบันการศึกษาเพื่อส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับคุณภาพของอากาศในระดับโลก ในปี 2562 ทีมวิศวกรของ Dyson ได้พัฒนากระเป๋าเป้ตรวจสอบคุณภาพอากาศเพื่อใช้ในโครงการ Breathe London Wearables ซึ่งจัดให้นักเรียนจำนวน 250 คนสะพายกระเป๋าที่ติดตั้งอุปกรณ์วัดคุณภาพอากาศที่สามารถตรวจจับปริมาณก๊าซและมลภาวะระหว่างเดินทางไปโรงเรียน โดยข้อมูลที่ได้สามารถนำไปต่อยอดในการวิจัยและหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูล นักเรียนกว่า 31% เปลี่ยนวิธีการเดินทางไปโรงเรียนเพื่อเลี่ยงการสัมผัสมลภาวะ
ต่อมา กระเป๋าตรวจสอบคุณภาพอากาศ Dyson Air Quality Backpack ได้ถูกนำไปใช้ใน 14 เมืองทั่วโลกเพื่อส่งเสริมและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการสัมผัสมลภาวะในอากาศของบุคคล ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการ Dyson Investigates Air Quality: Lockdown Project และยังถูกนำไปใช้ในโครงการ CAPPA ในบริเวณทวีปแอฟฟริกาที่ดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยควีนแมรี่ กรุงลอนดอน เพื่อศึกษาเกี่ยวกับอัตรการเกิดโรคหอบหืดในเด็กแอฟฟริกัน โดย Dyson ได้ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการจากหลากหลายสาขาทั่วโลกจนเกิดเป็น Dyson Scientific Advisory Board นอกจากนั้น James Dyson Foundation ยังสนับสนุนการศึกษาเกี่ยวกับคุณภาพอากาศในโรงเรียน โดยสนับสนุนแหล่งความรู้สำหรับการเรียนการสอนในหลากลายระดับ เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจเรื่องมลภาวะในอากาศทั้งภายในและภายนอกอาคาร โดยการลงมือทำจริงด้วยการคิดค้นไอเดียหรือสิ่งประดิษฐ์ที่จะมาแก้ปัญหาดังกล่าวได้ สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
James Dyson Foundation