ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เผยแผนครึ่งปีหลังปี 62 เดินหน้าเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่า 3,500 ล้านบาท
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ 'บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี' เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง 2562 ว่า บริษัทฯ จะเดินหน้าพัฒนาโครงการแนวราบเป็นหลัก เน้นเจาะไปยังตลาด Real Demand โดยเน้นทำเลที่มีการพัฒนาเครือข่ายคมนาคม, แหล่งงาน และ ชุมชนเป็นหลัก เพราะมั่นใจว่าจะมีการเติบโตจากปัจจุบันสู่อนาคต ซึ่งบริษัทฯ ได้ดำเนินการพัฒนาและวางแผนพัฒนาโครงการใหม่ 5 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 3,500 ล้านบาท ปัจจุบันเริ่มดำเนินการขายไปแล้วรวม 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการ Lalin Town อ่อนนุช - สุวรรณภูมิ, Lalin Town รังสิต - คลอง 2, Lio Bliss รังสิต -คลอง 4, Lio Bliss เพชรเกษม 81/2 และจะทยอยเปิดขายอีก 1 โครงการ ได้แก่ Lio Bliss ปลวกแดง - มาบยางพร เพื่อรองรับความต้องการศักยภาพที่มีอยู่จริงในตลาด ณ ปัจจุบันเป็นหลัก
ทั้งนี้กลยุทธ์การตลาดที่ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จะนำมาใช้เพื่อสร้างความแข็งแกร่งยังคงสานต่อจากปีที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นตลาดแบบ Real Demand มุ่งเน้นตลาดเชิงรุก และ ใช้ Insight Customer ทั้งด้านออนไลน์และออฟไลน์มาร์เก็ตติ้ง ตลอดจนการทำ CRM อย่างต่อเนื่อง โดยผนึกกำลังกับแบรนด์ชั้นนำเพื่อมอบสิทธิประโยชน์พิเศษแก่ลูกบ้านของลลิล เพื่อเพิ่มความสะดวกในทุกการใช้ชีวิตและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยนำการออกแบบ แบบ Eco Living มาประยุกต์ใช้ นับเป็นอีกหนึ่งในค่านิยมหลัก (Core value) ที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าของเครือข่ายและพันธมิตรในการสร้างความสำเร็จของธุรกิจควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกบ้านอย่างยั่งยืน
จากการนำเสนอโครงการใหม่สู่ตลาดตั้งแต่ช่วงต้นไตรมาส 2 ของปี 2562 ทำให้เห็นชัดว่า ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เดินมาถูกทาง ดังนั้น เราจะเดินหน้าพัฒนาโครงการแนวราบในย่านที่มี Blue print ของความเป็นเมืองหรือชุมชนศักยภาพที่พร้อมจะเติบโตสู่การเป็นย่านเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งทำเลหลักยังเป็นเขตรอบของกรุงเทพฯ ทั้งโซนทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันออกเป็นหลัก รวมถึงพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่ครอบคลุม 3 จังหวัดคือ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองวิสัยทัศน์เชิงนโยบาย Thailand 4.0 ซึ่งโครงการนี้ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นพัฒนาเพียงด้านเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงด้านโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรม เทคโนโลยี และที่อยู่อาศัย จึงถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่นำร่องในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาขนส่งระบบรางและการบินที่ทันสมัย สนับสนุนนวัตกรรมเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพ อาทิ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังและมาบตาพุด โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการพัฒนาเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล เป็นต้น
จากแผนการพัฒนาดังกล่าวทำให้มีประชากรเพิ่มขึ้นในพื้นที่เฉลี่ย 8-10%ต่อปี และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่องในอนาคต ส่งผลให้ผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งไทยและต่างชาติ เข้ามาพัฒนาโครงการใหม่ๆ กันมากขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว และมีปริมาณแรงงานคุณภาพที่ย้ายถิ่นฐานมาในโซนดังกล่าวพร้อมความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีมากขึ้น นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กล่าวถึงทิศทางการพัฒนาโครงการ
ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยในปี 2562 คาดว่ายังคงมีทิศทางที่เป็นบวกในครึ่งปีหลัง แต่อัตราการปรับตัวอาจอยู่ในกรอบที่ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังคงมีอุปทานคงเหลือในหลายพื้นที่ โดยการเติบโตจะเห็นชัดเจนในพื้นที่ที่ประชาชนมีกำลังซื้อ เช่น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงจังหวัดเขตเศรษฐกิจและเริ่มขยายไปยังจังหวัดรองที่สำคัญ ส่วนใหญ่ที่อยู่อาศัยจะกระจายตัวออกไปจากอุปทานของที่ดินที่ยังมีอยู่จำนวนมาก และมุ่งเน้นเจาะไปที่กลุ่ม Real demand เป็นสำคัญเพื่อปลดล็อคปัญหา LTV โดยการพัฒนาโครงการส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นจะอาศัยแรงบวกจากนโยบายภาครัฐที่ชัดเจนคือ การลงทุนขนาดใหญ่ในพื้นที่เฉพาะ เช่น พื้นที่ EEC ที่กำลังเติบโตอย่างน่าจับตา
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1778 เว็บไซต์
http://www.lalinproperty.com