Lamborghini Urus SE ซูเปอร์เอสยูวีระบบปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของลัมโบร์กินี เป็นรถยนต์ที่มีความโดดเด่นที่สุดในรถยนต์คลาสเดียวกัน โดยสามารถลดการปล่อยไอเสียสู่ชั้นบรรยากาศได้มากถึง 80% มอบประสบการณ์การขับขี่อันไร้คู่แข่งด้วยเครื่องยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริด ด้วยเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ V8 4.0 ได้ถูกนำมาพัฒนาใหม่เพื่อให้สามารถทำงานกับระบบส่งกำลังไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้มีกำลังเครื่องถึง 620 CV (456 kW) และแรงบิด 800 Nm โดยระบบสันดาปได้ถูกผสานเข้ากับระบบส่งกำลังไฟฟ้าเพื่อมอบกำลังเครื่อง 192 CV (141 kW) และแรงบิด 483 Nm และเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทีมวิศวกรจึงให้ความสำคัญกับการปรับจูนการทำงานที่สอดคล้องกันระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) กับมอเตอร์ไฟฟ้า จนได้กำลังเครื่องสูงสุดที่ 800 CV พร้อมการันตีกำลังเครื่องเฉลี่ยดีที่สุดในทุก ๆ โหมดการขับขี่และสภาพพื้นผิวถนน พร้อมติดตั้งแบตเตอรีลิเทียม 25.7 kWh บริเวณใต้พื้นห้องเก็บสัมภาระด้านบนระบบเฟืองท้ายไฟฟ้า เกียร์อัตโนมัติ 8 ระดับสามารถช่วยบูสต์เครื่องยนต์สันดาป V8 และยังเป็นตัวสร้างแรงฉุดได้อีกด้วย ทำให้ Urus SE เป็นรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยระบบไฟฟ้า 100% ที่สามารถเดินทางได้ไกลกว่า 60 กม.เมื่อขับขี่ด้วยโหมดไฟฟ้า (EV Mode) เพียงอย่างเดียว และที่สำคัญตัวถังภายนอก มีทางเลือกสีตัวถังมากกว่า 100 สี พร้อมการตกแต่งภายในห้องโดยสารอีก 47 รูปแบบ
Lamborghini Urus ซูเปอร์เอสยูวีคันแรกของโลก แบบ 5 ที่นั่ง มาพร้อมความหรูหราและทรงพลังเหนือกว่าเอสยูวีในระดับเดียวกัน ที่ได้รับการถ่ายทอด DNA ทั้งด้านดีไซน์ และสมรรถนะ และการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ สามารถใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน และทุกสภาพการขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยยังคงคาแรกเตอร์ของแบรนด์เอาไว้ทั้งภายนอกและภายในเอาไว้อย่างชัดเจน
Lamborghini Urus มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร ทวิน-เทอร์โบ ให้กำลัง 650 แรงม้า ที่ 6,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร ที่ 2,250 รอบ/นาที สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 305 กม./ชม. ขณะที่ยังสามารถควบคุมการขับขี่ได้ง่ายคล่องตัวให้ความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสารตลอดการเดินทางบนทุกสภาพถนน ผ่าน Tamburo – Lamborghini driving dynamics control สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 3.6 วินาที และเร่งจาก 0-200 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 12.8 วินาที
Lamborghini Urus ที่มีระบบ Tamburo สามารถเลือกการขับขี่ได้ถึง 6 โหมด ประกอบด้วย STRADA สำหรับการขับขี่ทั่วไปที่ให้ความสบายเหนือชั้น, SPORT สำหรับการขับขี่อย่างมั่นคงและแม่นยำในความเร็วสูง, CORSA สำหรับการขับขี่ที่เน้นสมรรถนะ และความแม่นยำสูงสุด, NEVE สำหรับการขับขี่บนถนนที่มีหิมะ, TERRA สำหรับการขับขี่แบบออฟโรด และ SABBIA สำหรับการขับขี่แบบออฟโร้ดบนผืนทราย
ทวินเทอร์โบ V8 4.0 /มอเตอร์ไฟฟ้า 192 แรงม้า เมื่อรวมกำลังทั้งรับบจะได้ที่ 800 แรงม้า
V8 BiTurbo