ซื้อรถมือสองอย่า 'โอนลอย' เสียเวลานิดหน่อย เสียงปัญหาตามมาเพียบ!
"การโอนลอย" คือ การมอบฉันทะการโอนกรรมสิทธิ์ในการซื้อขายอย่างไม่เป็นทางการ ในกรณีการซื้อขายรถยนต์ คือการที่เจ้าของรถได้ขายรถของตน และทำการลงนามในเอกสารการโอนรถและใบมอบอำนาจให้แก่ผู้ซื้อ โดยไม่ได้มีการดำเนินการทางทะเบียนที่สำนักงานขนส่งฯ ด้วยตนเอง
ซึ่งหลายคนคิดว่าวิธีนี้สะดวก และไม่เสียเวลากันทั้งสองฝ่าย แต่ความจริงแล้วเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง!
ผู้ที่ต้องการซื้อขายรถมือสองทั้งการซื้อต่อจากบุคคลหรือเต้นท์รถ ควรดำเนินการตามขั้นตอนโอนทางทะเบียนรถ ณ สำนักงานขนส่งที่จดทะเบียนด้วยตนเอง เนื่องจากการซื้อ-ขายรถด้วยวิธีการโอนลอยโดยไม่ดำเนินการโอนทางทะเบียนให้ถูกต้องในทันที อาจก่อปัญหาให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายตามมาได้
"โอนลอย" อาจซวยเรื่องไหนบ้าง?
แม้ว่าในทางกฎหมายถือว่าเป็นการซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ เพราะกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ขายนั้นย่อมโอนไปยังผู้ซื้อตั้งแต่ขณะเมื่อได้ทำสัญญาซื้อขายกัน (ปพพ. มาตรา 458)
แต่ถ้าผู้ซื้อยังไม่ไปดำเนินการโอนทางทะเบียนให้เป็นที่เรียบร้อย หากเกิดกรณีผู้ซื้อไม่ดำเนินการชำระภาษีรถประจำปี รถเกิดอุบัติเหตุ หรือนำรถไปกระทำผิดกฎหมาย ผู้ขายรถ (ซึ่งยังมีชื่อในทะเบียน) ก็ต้องไปพิสูจน์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีอาญา หอบเอกสาร พยานไปแก้ต่างกัน เสียจิต เสียเวลาแน่นอนครับ
ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดเมื่อมีการซื้อขายรถยนต์ ควรดำเนินการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนให้เรียบร้อยด้วยตัวเอง ที่กรมขนส่งฯ นอกจากจะเป็นการป้องกันตัวเองในแง่ของคดีความแล้วแล้ว ยังเป็นการช่วยตรวจสอบรถอย่างละเอียดด้วยว่าเป็นรถที่ไม่ถูกโจรกรรม สวมซากย้อมแมวขายด้วย
หลักฐานที่ใช้การโอนกรรมสิทธิ์รถ
1. ใบคู่มือจดทะเบียนรถ
2. บัตรประจำตัวประชาชน ถ้ากรณีเป็นนิติบุคคลใช้หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม
3. สัญญาซื้อขาย ใบเสร็จรับเงิน และใบกำกับภาษี
4. สำเนาใบมรณะบัตรเจ้าของรถ และคำสั่งศาลหรือพินัยกรรมพร้อมสำเนา (กรณีโอนรับมรดก)
5. แบบคำขอโอนและรับโอน ซึ่งกรอกรายการและลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอนเรียนร้อยแล้ว
6. หนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอง กรณีผู้โอน และ/หรือผู้รับโอนมิได้มาดำเนินการด้วยตัวเอง
สถานที่ติดต่อ
สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ สำนักงานขนส่งจังหวัดหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดสาขาที่ผู้โอนมีที่อยู่ปรากฎในใบคู่มือจดทะเบียนรถหรือที่ขอแจ้งใช้รถไว้
ขั้นตอนการดำเนินการ
1. นำรถเข้ารับการตรวจสอบ ที่งานตรวจสภาพรถยนต์ (ยกเว้นกรณีโอนปิดบัญชีจากผู้ให้เช่าซื้อไปยังผู้เช่าซื้อ ซึ่งเป็นผู้ครอบครองรถตามรายการจดทะเบียน ไม่ต้องตรวจสอบรถ)
2. ยื่นเรื่องโอนกรรมสิทธิ์และชำระค่าธรรมเนียม ที่งานทะเบียนรถ
3. รับใบคู่มือจดทะเบียนรถคืน
4. รับใบเสร็จรับเงิน ใบคู่มือจดทะเบียนรถ เครื่องหมายการเสียภาษี และแผ่นป้าย ทะเบียนรถ
ค่าธรรมเนียม
1. ค่าคำขอ 5 บาท
2. ค่าธรรมเนียมโอน 100 บาท
3. ค่าอากรแสตมป์ 500 บาทต่อราคาประเมินรถทุก 100,000 บาท (เช่น หากประเมินราคารถยนต์ที่ 300,000 บาท ค่าอากรแสตมป์ก็จะเท่ากับ 1,500 บาท)
4. ค่าเปลี่ยนป้ายทะเบียน 200 บาท (กรณีเปลี่ยน)
5. ค่าเปลี่ยนเล่มทะเบียน 100 บาท (กรณีเล่มทะเบียนขาด เก่า หรือชำรุด)