ถ้าลองดูรายได้กับตัวเลือกลดหย่อน แนะนำเบื้องต้นได้ดังนี้
รายได้อยู่ในระดับต่ำกว่า 310,000 บาทต่อปี ไม่ต้องเสียภาษีเพิ่มเติม
รายได้เฉลี่ยต่อปี 310,000 – 1ล้านบาท แนะนำการซื้อประกันชีวิตและประกันสุขภาพ
รายได้ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มการซื้อประกันบำนาญ หรือ กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เพื่อให้ได้สิทธิในการลดหย่อนภาษีที่มากขึ้นกว่าเดิม
ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงการลดหย่อนภาษีด้วยประกันชีวิตและประกันสุขภาพกันค่ะ
สำหรับประกันชีวิต เราสามารถซื้อได้สูงสุดของการลดหย่อนภาษีคือ 100,000 บาทต่อปี ทั้งนี้หากเรามีการซื้อประกันสุขภาพด้วย จะสามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 25,000 บาท แต่เมื่อรวมกับประกันชีวิตแล้วจะลดหย่อนรวมกันได้ไม่เกิน 100,000 บาทเช่นกันค่ะ
โดยเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญที่ทำให้ตัวเอง ก็จะสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดอีกไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี
ตารางสิทธิลดหย่อนภาษีของประกันชีวิต
วิธีคำนวนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ขั้นตอนแรก หาเงินได้สุทธิก่อน จากสูตรนี้
เงินได้สุทธิ = รายได้ (ทั้งปี) - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน |
เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี = ภาษีที่ต้องจ่าย |
การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แบบอัตราภาษีแบบขั้นบันได
จะเห็นว่า ยิ่งมีรายได้สูงเท่าไหร่ ภาษีจะมากขึ้นตามขั้นอัตราภาษี
วิธีคิดง่ายๆ ในการประหยัดภาษีคือ การทำให้ขั้นภาษีของเราอยู่ในอัตราที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราจะได้เสียภาษีน้อยลง โดยการหาค่าใช้จ่าย หรือค่าลดหย่อน มาหักออกจากรายได้ทั้งปี นั่นเองค่ะ
เงินได้สุทธิ = รายได้ (ทั้งปี) - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน |
ก่อนวางแผน
คุณเอ มีรายได้ปีละ 550,000 บาท
หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 100,000 บาท หักค่าลดหย่อนผู้มีเงินได้ 60,000 บาท
คุณเอ จะตกอยู่ในภาษีขั้นที่ 3 และจะต้องเสียภาษีรวมทั้งหมด 16,500 บาท
เงินได้สุทธิ = 550,000 – (100,000) – (60,000)
= 390,000 บาท
เงินได้สุทธิ (บาท) | เงินได้สุทธิจำนวนสูงสุดของขั้น | อัตราภาษี | ภาษีสูงสุดในแต่ละขั้นเงินได้ | ภาษีสะสมสูงสุดของขั้น |
1 - 150,000 | 150,000 | ยกเว้น | ยกเว้น | 0 |
150,001 - 300,000 | 150,000 | 5% | 7,500 | 7,500 |
300,001 - 500,000 | 90,000 | 10% | 9,000 | 16,500 |
หลังวางแผน
คุณเอ มีการซื้อประกันชีวิตเพิ่ม จำนวน 100,000 บาท เต็มแม็กซ์ที่จะซื้อได้ สามารถทำไปหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีได้
เมื่อลองคำนวนใหม่ คุณเอจะตกอยู่ในภาษีขั้นที่ 2 และจะเสียภาษีน้อยลงจากเดิม 9,500 บาท
เงินได้สุทธิ = 550,000 – (100,000) – (60,000) - (100,000)
= 290,000 บาท
เงินได้สุทธิ (บาท) | เงินได้สุทธิจำนวนสูงสุดของขั้น | อัตราภาษี | ภาษีสูงสุดในแต่ละขั้นเงินได้ | ภาษีสะสมสูงสุดของขั้น |
1 - 150,000 | 150,000 | ยกเว้น | ยกเว้น | 0 |
150,001 - 300,000 | 140,000 | 5% | 7,000 | 7,000 |
กูรูป้อบอก Tips เราไม่จำเป็นต้องซื้อประกันหรือกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษีมากจนทำให้ได้คืนภาษีเยอะๆ แต่ซื้อให้เพียงพอกับการที่ไม่ต้องเสียภาษีเพิ่มก็เพียงพอแล้ว
ข้อดีของการวางแผนลดหย่อนภาษี
ช่วยในการวางแผนการออม การลงทุน เพิ่มความมั่นคง และมั่งคั่งให้ชีวิตมากขึ้น เช่น จากการที่เราทำประกันชีวิต นอกจากจะได้ลดหย่อนภาษีแล้ว ยังได้รับความคุ้มครองชีวิตเป็นมรดกอีกด้วย
ช่วยให้เราไม่พลาดที่จะใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ควรได้รับ เช่น รัฐออกแคมเปญช้อปดีมีคืน ถ้าเรามีฐานภาษีสูงๆ และมีการใช้จ่ายอยู่แล้ว การขอใบกำกับภาษีเพื่อนำมาลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม จะมีประโยชน์มากขึ้น
ป้องกันและลดความเสี่ยงเรื่องค่าปรับ หากชำระภาษีได้อย่างถูกต้องครบถ้วน
จากทั้งหมดที่กล่าวมา การวางแผนภาษีค่อนข้างมีความสำคัญกับคนมีรายได้ เพราะนอกจากจะช่วยให้เราประหยัดภาษีได้แล้ว ยังเป็นตัวช่วยในการเก็บออมเงินในระยะยาวได้ดีอีกด้วย ดังนั้น ใกล้ปลายปีอีกแล้ว เราเริ่มวางแผนภาษีกันเถอะ ก่อนจะสายเกินไปค่ะ ?
เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้
ประเภทคุกกี้ อ่านเพิ่มเติม ที่นี่ |
ยินยอม / ไม่ยินยอม |
---|---|
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ (Strictly Necessary) |
|
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์ (Functionality) |
|
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์ (Performance & Analytics) |
|
คุกกี้เพื่อการตลาด (Marketing) |